แนวทางการสั่งสอนเด็กในปัจจุบัน [6702-1u]

Release Date:

Q1: ทำอย่างไรให้กรรมชั่วที่เคยทำไว้ สิ้นผลไปโดยเร็วA: หลักการทั่วไป คือ กรรมชั่วจะให้ผลเป็นความไม่ดี ทุกขเวทนา ส่วนกรรมดี จะให้ผลเป็นความสุข แต่หลักการนี้มีเงื่อนไขตัวแปร 2 อย่าง คือ เวลาและความหนักเบา เวลา: กรรมจะให้ผลในปัจจุบันหรือในเวลาต่อมา และต่อมาอีก, ความหนักเบา: ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหรือสถานการณ์หลายอย่าง เปรียบเหมือนเกลือกับความเค็ม เกลือเค็มอยู่แล้ว แต่จะเค็มมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับว่ามีน้ำน้อยหรือน้ำมาก ถ้าน้ำน้อยก็เค็มมาก ถ้าน้ำมากก็เค็มน้อย ตัวอย่าง ท่านองคุลีมาล เป็นต้น สำหรับ “ปฏิปทาให้ถึงความสิ้นกรรม” นั้น ต้องปฏิบัติตามมรรค 8 คือ ศีล สมาธิ ปัญญา ถ้าเราทำให้มาก เจริญให้มากแล้ว อันนี้จะเป็นปฏิปทาให้ถึงความสิ้นกรรมได้ เร็วอย่างมากก็ 7 ปี ทั้งนี้ จะเร็วหรือช้า ขึ้นอยู่กับอินทรีย์ (ศรัทธา วิริยะ สติ สมาธิ ปัญญา) ว่ามีความแก่กล้าหรือไม่Q2: การทำความดีกับการทำบุญ เหมือนหรือต่างกันอย่างไรA: “ความดี” กับ “บุญ” เป็นคำไวพจน์กัน แต่บุญจะหมายเอาในบริบทเรื่องของจิต ส่วนความดีจะหมายเอาในบริบทเรื่องของการกระทำทางกาย วาจา ใจ แต่บางครั้งบุญก็อาจให้ผลเป็นทุกขเวทนาได้ เปรียบกับการกินยาขม ตอนกินมีรสขม แต่เมื่อยาออกฤทธิ์แล้ว อาการเจ็บป่วยก็ดีขึ้น ให้ผลเป็นความสุข ส่วนคนที่ทำชั่วแล้วได้ดี เปรียบกับเครื่องดื่มรสหวาน กลิ่นหอม สีสวย แต่เจือไปด้วยยาพิษ ตอนกินเข้าไปมีรสอร่อย แต่พอพิษออกฤทธิ์ ก็จะเจ็บปวด ให้ผลเป็นความทุกข์Q3: การสั่งสอนเด็กสมัยนี้ มีแนวทางอย่างไรA: สำหรับวันเด็ก ให้ทบทวน 2 ส่วน ส่วนแรก สิ่งที่แตกต่างกัน คือ ความต้องการของเด็ก ต้องเข้าใจลูก เข้าใจว่าสังคมมันเปลี่ยนแปลงไป จะสอนเหมือนเดิมไม่ได้ วิธีการสอนต้องเปลี่ยนแปลงไป ส่วนที่สอง สิ่งที่เหมือนกัน คือ ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่หน้าที่ของพ่อแม่ คือ ต้องสอน “ให้ลูกตั้งอยู่ในความดี ห้ามลูกเสียจากบาป” วิธีสอนที่ดีที่สุด คือ การทำเป็นตัวอย่าง พระพุทธเจ้าจะสอนสาวกให้เข้าใจได้ ท่านทรงทำเป็นตัวอย่าง คือ “สอนสิ่งที่ท่านทำ ทำในสิ่งที่ท่านสอน”เด็กที่ตั้งคำถาม ไม่ยอมทำตามในทันทีไม่ใช่เด็กดื้อ แต่เป็นเด็กที่มีวิจิกิจฉา (ความเคลือบแคลงเห็นแย้งยังไม่ลงใจ) จะกำจัดได้ ต้องเอาปัญญาเข้าไปใส่ ซึ่งจะมีปัญญาได้ก็ต้องมีศรัทธา ดังนั้น ให้เอาปัญญา และศรัทธาใส่ลงไปในวิจิกิจฉา อุดรูรั่วตรงนั้น ความเคลือบแคลงเห็นแย้งก็จะค่อย ๆ ลดลง ซึ่งเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ ครูอาจารย์ ที่ต้องให้ความรู้ ให้ปัญญา มีความเมตตา และความอดทน ในการสั่งสอนเด็กQ4: ขอพรให้เกิดใหม่ชาติหน้าได้รับสิ่งที่ดี ๆ แต่พระพุทธเจ้าสอนว่าการไม่เกิดดีที่สุด ที่ถูกควรเป็นอย่างไรA: คนที่มีปัญญาสูงจะเห็นว่า การเกิดเป็นทุกข์ ส่วนคนที่มีปัญญาลดลงมาจะเห็นว่า การเกิดยังดีอยู่ ส่วนคนที่ยังไม่เข้าใจจะเห็นว่า การเกิดไม่มี ชาติหน้าไม่มี คำสอนของศาสนาพุทธมีหลายระดับ การจะไปติผู้ที่อยู่ระดับต่ำกว่าเป็นสิ่งไม่ถูกQ5: พ่อแม่ทำไม่ดีกับลูก เป็นบาปหรือไม่A: บุคคลที่เป็นอริยชน (คนที่เติบโตมาก่อน) ห้ามกันบุคคลออกจากสิ่งที่ไม่ดี นั่นเป็นการสั่งสอนให้ออกจากอกุศลกรรม ไม่ใช่การผูกเวร อย่างนี้ไม่เป็นบาป เป็นการเปิดโอกาสให้กลับตัวQ6: ครอบครัวเป็นเครื่องกีดขวางการปฏิบัติธรรม ควรทำอย่างไรA: ต้องปลดล็อก ขึ้นอยู่กับความยึดถือของแต่ละบุคคลว่ามากหรือน้อย จิตใจมีความมั่นคงสูงหรือไม่ มีปัญญาสูงหรือไม่ เปรียบเทียบเรื่องนกมูลไถกับช้างอาชาไนย จะเปลี่ยนเปลงจิตใจให้มีกำลังจากนกมูลไถเป็นช้างอาชาไนยได้ ต้องปฏิบัติตามมรรค 8 (ศีล สมาธิ ปัญญา) ให้มาเพ่งตรงนี้ ก็จะกำจัดขวากหนาม สิ่งกีดขวางได้ เป็นช่องทางที่พระพุทธเจ้าเดินลุยเปิดทางมาก่อนแล้ว เพียงแต่เราเดินตามให้ได้ โดยจะมีเครื่องมาทดสอบให้เราหลุดออกจากทางบ้าง ก็ต้องอดทน ค่อย ๆ ปรับ หากุศโลบาย สอบถามครูบาอาจารย์ หาแนวทางที่จะทำให้จิตเรามาตามทางให้ได้ Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

แนวทางการสั่งสอนเด็กในปัจจุบัน [6702-1u]

Title
แนวทางการสั่งสอนเด็กในปัจจุบัน [6702-1u]
Copyright
Release Date

flashback