พระปิลินทวัจฉเถระ วาทะว่าคนถ่อย แต่เป็นที่รักใคร่ของเทวดา | 22 เม.ย. 67 (เช้า)

Release Date:

"..พระเถระท่านก็มีอุปนิสัยในการที่ชอบเรียกคนอื่นเขาว่า เป็นคนถ่อย ฝ่ายภิกษุเองเนี่ยเขาได้ทราบเรื่องราว ก็มีความเคลือบแคลงสงสัยเหมือนกันว่าบรรดาพระอริยเจ้าแล้วเนี่ยปกติแล้วเนี่ยเขาชอบกล่าวคำหยาบหรือเปล่า กล่าวคำที่เป็น ผรุสวาจา หรือเปล่า ก็ได้นำเรื่องนี้ไปกราบทูลกับพระผู้มีพระภาคเจ้าท่าน
.
เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าท่านก็ได้ทราบด้วยอุปนิสัยของท่านว่าท่านปิลินทวัจฉะ ท่านก็ได้เคยเกิดเป็นพราหมณ์มา ถ้าโดยศัพท์ที่เขาเขียนกันอยู่ในเรื่องราวก็เรียกว่าเกิดเป็นพราหมณ์มา 500 ชาติ แต่บางทีคำว่า 500 ก็เป็นสำนวน สำนวนที่เขาใช้ในพระไตรปิฎกแปลว่ามากก็ได้ ว่าเกิดมามากมายเลยนะ ก็ได้เกิดมาเป็นพราหมณ์ในหลายชาติด้วยกัน ซึ่งแต่ละชาติก็ชอบจะพูดคำว่า “วสละ” ที่แปลว่าคนถ่อยก็พูดอย่างนี้อยู่ตลอด
.
ในคราวได้เกิดมาในตระกูลพราหมณ์ ในภพชาตินี้เหมือนกัน ก็ยังติดอุปนิสัยเดิมอยู่ เวลาเจอผู้คนก็ทักทายเขาด้วยคำว่าคนถ่อย เรียกใคร หรือเป็นคฤหัสถ์ฆราวาสก็ดี แม้แต่พระภิกษุ ภิกษุที่อยู่ในศาสนาอื่นก็ดี ก็เรียกว่าคนถ่อยไว้ก่อน พระพุทธเจ้าท่านก็ได้ทรงทราบอุปนิสัยจากข่ายระญาณของพระองค์เอง ก็จึงบอกกล่าวไปว่า ท่านปิลินทวัจฉะท่านก็ไม่ได้มีเจตนาอันมุ่งร้ายนะ การพูดของท่าน พูดออกมาแต่ละคราวก็ไม่ได้ประกอบไปด้วยโทสะ ไม่ได้มีจิตใจที่มุ่งที่จะเบียดเบียนนะอยากจะประทุษร้ายใคร แต่ว่าด้วยอุปนิสัยเดิมที่ทำมาแบบเดิม ทำอยู่ซ้ำๆพูดแบบนี้ซ้ำๆมาหลายภพหลายชาติก็เป็นธรรมดานะที่ท่านจะกล่าวออกมา โดยปกติ ด้วยความคุ้นเคยนั่นเอง แต่โดยอุปนิสัยจิตใจท่านนั้นก็ไม่ได้มีเจตนาที่มุ่งร้ายอะไร ก็เห็นว่าเป็นสิ่งที่ทำมาอย่างไรซ้ำๆ ก็ย่อมที่ก่อผลเหมือนกันนะในอนาคต
.
แต่ว่าท่านเองก็ได้ถือว่าเป็นที่เป็นรักใคร่ของเหล่าเทวดาก็ด้วยเหตุที่ท่านเคยได้ทำมาแต่ก่อน ครั้งอดีตท่านก็ได้เกิดเป็นพระราชาอยู่เมื่อเกิดเป็นพระราชาด้วยอุปนิสัยที่ใฝ่ไปในทางธรรม ก็จึงให้ประชาชน ให้ราษฎร เขาได้ถือศีล 5 ศีล 5ก็เรียกว่าเป็นของที่บางทีก็อยู่คู่โลกมาอยู่แล้วนะ ไม่ใช่ว่าต้องมีเฉพาะในยุคที่มีพระพุทธศาสนา จะเห็นว่าศีล 5 คล้ายๆกฎหมายเลย ถ้าใครเขาประพฤติปฏิบัติในสังคมนั้นก็จะสงบร่มเย็นนั่นเอง ในคราวที่ท่านได้เกิดเป็นพระราชา ท่านก็ได้ชักชวนมหาชนให้ได้ประพฤติดำรงตนอยู่ในศีล 5 ดำรงตนอยู่ในธรรม และเมื่อได้ละอัตภาพนั้นไปนะประชาชนที่ได้เกิดอยู่ในราษฎรท่านเนี่ยเป็นราษฎรท่าน เรียกว่าเมื่อดำเนินอยู่ในวิถี จิตใจไม่ได้เกิดความเบียดเบียน ไม่ได้ก่อให้เกิดความเดือดเนื้อร้อนใจขึ้นมาในจิตใจ ก็เรียกว่าได้ไปอุบัติในภพที่เรียกว่าเทวดานั่นเอง ซึ่งเมื่อได้เกิดเป็นเทวดาแล้ว ก็เรียกว่ามีความรักใคร่แก่ผู้ที่ได้มอบหนทางแก่ผู้ที่ทำให้ตนได้มีความสุขได้มีความสุขเสวยสุขในเทวดาไป ก็ได้น้อมระลึกถึงท่านพระราชาในครั้งนั้น ซึ่งได้มาอุบัติขึ้นเป็นท่านปิลินทวัจฉะในคราวนี้นี่เอง.."

…………………………

ถ่ายทอดธรรมโดย
พระชยากร ภทฺทธมฺโม
ณ สวนธรรมอารี จ.พระนครศรีอยุธยา
เช้า 22 เมษายน 2567

#พระปิลินทวัจฉเถระ #วาทะว่าคนถ่อย #เอตทัคคะในทางผู้เป็นที่รักใคร่ของเทวดา #พระชยากร #ธรรมอารี

ติดตามธรรมะเพิ่มเติมได้ที่
Facebook ช่องทางสื่อสารหลัก : https://www.facebook.com/dhammaaree
Facebook ข่าวสารประชาสัมพันธ์ : https://www.facebook.com/dhammaareefoundation
YouTube คลังวิดีโอ : https://www.youtube.com/@dhamma_aree
Instagram คลังภาพ : https://www.instagram.com/dhamma_aree/
SoundCloud คลังเสียง : https://soundcloud.com/dhamma_aree
LineGroup สอบถามการปฏิบัติทั่วไป : https://bit.ly/3Fxu8Ol
LineOA ช่วยเหลือติดขัดสภาวธรรม : https://lin.ee/pXSQeyZ
Website ธรรมอารี :http://www.dhammaaree.com
TikTok ธรรมอารี : https://www.tiktok.com/@dhamma.aree

พระปิลินทวัจฉเถระ วาทะว่าคนถ่อย แต่เป็นที่รักใคร่ของเทวดา | 22 เม.ย. 67 (เช้า)

Title
ถาม-ตอบ ปัญหาธรรม 12 ต.ค. 64 (เช้า)
Copyright
Release Date

flashback